1 พ.ย. 2553

ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงกระนั้นหรือ?


โดย นะญาฮ์ แปลและเรียบเรียง,
ตอบโดย ชัยคฺ ยูซุฟ เอสเตส

คำถาม : อัส ลามูอาลัยกุม ฉันอยากจะถามท่านเกี่ยวกับหลักการเรื่อง การเชื่อฟังของภรรยาต่อสามีของเธอ ซึ่งตามความคิดของฉันแล้วมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลักการทางศาสนา มันมิใช่ประเด็นปรกติธรรมดาที่จะพูดคุยกันในวงน้ำชา ฉันเข้าใจ(ความหมายของการเชื่อของภรรยาต่อสามี)ว่า เป็นการปฏิบัติ(หน้าที่ของภรรยา)ต่อสามีด้วยความสุภาพอ่อนน้อม และอีกความหมายหนึ่งก็คือ การทำให้ความสัมพันธ์ของชีวิตการแต่งงานแข็งแกร่งขึ้น แต่ที่กล่าวมานี้ใช่ความหมายของคำว่าการเชื่อฟังแล้วหรือ? ซึ่งได้มีการโต้เถียงและเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักการที่เกี่ยวกับ การเชื่อฟังของภรรยา(ต่อสามีของเธอ) กรุณาตอบคำถามนี้เท่าที่ท่านสามารถ ให้ชัดเจนไปถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า ความสุภาพอ่อนน้อม ความเคารพ และการเชื่อฟัง ขออัลเลาะฮทรงตอบแทนท่าน

คำตอบ : ในเรื่องนี้นั้นมีอยู่ 2 ประการที่ศัตรูอิสลามจำนวนมากหรือแม้กระทั่งมุสลิมบางคน ได้พยายามแสดงให้เห็นในบางด้านว่าอิสลามนั้นให้ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง เรื่อง นี้ก่อให้เกิดปัญหาหนักที่เกิดขึ้นมาทั้งภายในสังคมมุสลิมและภายนอกสังคมมา นานหลายศตวรรษแล้ว แต่ก็ไม่ได้มากเท่าที่เห็นในทุกวันนี้

คำกล่าวอ้างประการแรกก็คือ การอ้างถึงอัลกุรอานที่ว่า “บรรดาผู้ชายคือผู้ปกครองเลี้ยงดูบรรดาผู้หญิง” (อัน-นิซาฮ : 34) ซึ่งอย่างไรก็ตามมันมิได้หมายถึงเหนือกว่า แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ หมาย ถึง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ผู้ชายต้องดูแลผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น แม่ของเขา พี่สาวน้องสาว ภรรยาและลูกสาวของเขา ซึ่งทั้งหมดต้องได้รับการดูแล เนื่องจากว่าอัลเลาะฮได้วางไว้ให้เป็นภาระหน้าที่ของเขาแล้ว เขาต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่องอาหารการกินของพวกเขา ที่พักอาศัย การดูแลสุขภาพ เสื้อผ้า และชีวิตความเป็นอยู่ทั่วๆไป เท่าที่เขาสามารถ ไม่มีข้อสงสัยเลยว่านี่คือ ความหมายที่อยู่เบื้องหลังในถ้อยคำที่ว่า “ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง”

คำกล่าวอ้างประการที่สอง อ้างไปถึง ฮะดีษของท่านศาสดา(ซ.ล.) ที่กล่าวว่า ถ้าท่านจะขอให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดกราบอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจาก(การกราบ)อัลเลาะฮแล้ว ท่านก็จะขอให้ภรรยาทำเช่นนั้นต่อสามีของนาง

ความหมายของฮาดิษนี้ง่ายที่จะถูกนำไปใช้โดยผู้ที่ต้องการสร้างความเข้าใจผิดต่อเจตนารมณ์ที่แท้จริงของอิสลาม ผู้หญิง นั้นมีความรับผิดชอบอันหนึ่งคือการที่ต้องเชื่อฟังผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อของเธอ พี่ชายน้องชาย สามี หรือแม้แต่ลูกผู้ชายที่โตแล้ว(ไม่ได้หมายความว่าต้องเชื่อฟังพร้อมๆทุกคน แต่เป็นไปตามลำดับของผู้ปกครองในกฎหมายอิสลาม – บรรณาธิการ) แต่ ที่ต้องเน้นย้ำก็คือ การเชื่อฟังนี้เป็นการเชื่อฟังต่อดีน(ศาสนา)ของอัลลอฮฺและเป็นวิธีการที่พวก เธอจะดำเนินตามคำสอนอิสลาม ท่านศาสดา(ซ.ล.)เคย ซักเสื้อผ้าของท่าน ทำอาหาร ทำความสะอาด และดูแลสิ่งต่างๆเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ท่านลองพยายามนึกให้ออกซิว่าเมื่อไรกันที่ท่านได้สั่งให้ครอบครัวของท่าน สั่งคนในครอบครัวที่อยู่รอบๆท่านให้ทำโน่นทำนี่ราวกับเป็นทาส ท่านเคยทำอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่ามิเคยเลย การทำปฏิบัติกับภรรยาเช่นทาสจึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับคำสอนอิสลามอย่างชัดเจน(เนื่องจากท่านศาสดามิเคยปฏิบัติเช่นนั้น)

ใน อิสลามผู้หญิงมีสิทธิครอบครองทรัพย์สินที่นอกเหนือจากของสามีของนาง และนางไม่ต้องแม้แต่ให้เงินแม้แต่เซ็นต์เดียวที่เป็นรายได้ของนางแก่สามีของ นาง แม้ว่าเขาจะตกงานและไม่มีอะไรเหลือเลยก็ตาม อะไรก็ตามที่นางได้จ่ายไปแก่สามีของนางจะถูกบันทึกแก่นางเช่นเดียวกับการทำ เศาะดะเกาะฮฺ ซึ่งที่จริงมันมิใช่ภาระหน้าที่หลักของเธอ(ที่จะต้องปฏิบัติเช่นนั้น) แต่ถ้านางซักเสื้อผ้าให้สามี เตรียมอาหารจานพิเศษ และปฏิบัติสิ่งที่พิเศษสำหรับเขาแล้ว สิ่ง ที่นางทำไปนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ควรค่าแก่การยกย่องจากนาง เขาต้องขอบคุณอัลเลาะฮเป็นอย่างมากที่ได้ทรงประทานภรรยาเช่นนี้แก่เขา หน้าที่ของเธอที่มีต่ออัลเลาะฮถือเป็นอันดับแรก และจากนั้นคือหน้าที่ต่อท่านศาสดา(ซ.ล.) ทั้ง นี้หน้าที่ของเธอต่อสามีนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากหน้าที่ของสามีที่มีต่อเธอ เลย ซึ่งทั้งสองมีความเท่าเทียมกันในความรับผิดชอบ หน้าที่ และเจตนาที่มีต่ออัลเลาะฮ

ขอพระองค์อัลเลาะฮทรงทำให้เราเป็นผู้ที่เข้าใจและอยู่ในหนทางศาสนาอิสลามของพระองค์ด้วยเถิด อามีน

ที่มา http://www.muslimahtoday.com/