3 พ.ย. 2553

ทำสะละฟียฺให้เป็นศูฟียฺ และทำศูฟียฺให้เป็นสะละฟียฺ


ชัยคฺ ดร. ยูซุฟ อัล-เกาะเราะฎอวียฺ เขียน
อับดุศเศาะมัด อันนัดวียฺ แปลและเรียบเรียง

ข้าพเจ้าใคร่ขอย้ำในที่นี้ว่า พี่น้องสะละฟียฺบางท่านนั้นแข็งกร้าวในเรื่องจุดยืนต่อตะเซาวุฟ(เนื้อหาในการขัดเกลาจิตใจของแนวคิดศูฟียฺ)เกินไป โดยถือว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอมต่ออิสลาม และยังได้กล่าวหาผู้ที่ยึดแนวตะเซาวุฟทั้งหมดว่าเป็นพวกบิดอะฮฺและพวกนอกคอก ดังที่เรื่องนี้ได้ปรากฏชัดในการอธิบายเพิ่มเติมหนังสือของอิบนุกอยยิมที่ชื่อ “มะดาริจญฺ อัซซาลิกีน” โดยอัลลามะฮฺ อัชชัยคฺ มุฮัมมัด ฮามิด (เราะฮิมะฮุลลอฮฺ) และยังมีท่านอื่นๆอีกมากในกลุ่มผู้ยึดแนวคิดแบบสะละฟียฺที่มีจุดยืนเช่นนี้ ซึ่งพวกเขาได้วิพากษ์วิจารณ์(ในด้านลบ)ตะเซาวุฟทั้งหมดรวมทั้งผู้ที่ตามแนวทางนี้ทั้งสิ้น ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ความแข็งกร้าวเช่นนี้เป็นการไม่ถูกต้อง ไม่ถูกยอมรับ และไม่ก่อประโยชน์

อิบนุ ตัยมียะฮฺ และอิบนุล กอยยิม พวกเขาคือ ร็อบบานียะฮฺ(ผู้เรียนรู้ เข้าใจ และปฏิบัติอิสลามอย่างแท้จริง)เป็นเรื่องแปลกที่คนเหล่านี้อ้างว่าสังกัดแนวคิดของชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ และศิษย์ของท่านคือ อัลอิมาม อิบนุล กอยยิม ซึ่งทั้งสองท่านนี้เป็นร็อบบานียะฮฺ ที่แท้จริง ทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติ

ในทางทฤษฎี ก็ดังที่ได้ปรากฏเป็นหลักฐานโดยหนังสือของท่านทั้งสอง สำหรับอิบนุ ตัยมียะฮฺนั้นท่านมี ข้อเขียนในเรื่องตะเซาวุฟและเรื่องของสุลูก(เรื่องการขัดเกลาภายในที่จะสะท้อนเป็นบุคลิกภายนอก) เป็นจำนวนหลายเล่มในมัจญฺมูอฺ ฟะตะวา แล้วยังรวมถึงหนังสือของท่านที่ชื่อ “ อัลอิสติกอมะฮฺ” ส่วนอิบนุล กอยยิม ท่านมีงานประพันธ์เป็นจำนวนหลายเล่ม เช่น ญะวาบ กาฟียฺ , เฏาะรีกุล ฮิจญฺเราะตัยนี , อุดดะตุศ ศอบิรีน , เราะเฎาะตุล มุฮิบบีน และที่มีความยิ่งใหญ่และครอบคลุมขอบเขตมากที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยนั่นคือหนังสือ มะดาริจญฺ อัซซาลิกีน ในทางปฏิบัตินั้น หลักฐานก็จากชีวประวัติของท่านทั้งสอง ในด้านความเข้มแข็งในเรื่องสัจธรรม ความอดทนต่อความทุกข์ยาก การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ความรักในอัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ การมุ่งสู่อัลลอฮฺ ด้วยการมุ่งสู่พระองค์ชนิดที่ได้รับการเป็นพยานจากคนที่รู้จักและใกล้ชิดท่านทั้งสอง ขออัลลอฮฺทรงพอพระทัยเขาทั้งสองด้วยเถิด

เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับท่านในการรู้จักอิบนุ ตัยมียะฮฺ ในเรื่องที่ท่านได้เผชิญกับความลำเค็ญ และการถูกจับเข้าคุกเนื่องจากการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ด้วยวิญญาณที่ปรีดา และด้วยหัวใจที่สงบนิ่ง โดยท่านได้กล่าวว่า
แท้จริงสวรรค์ของฉันอยู่ในทรวงอกของฉัน

ไม่ว่าฉันจะไปที่ใดมันก็จะอยู่กับฉัน เหล่าศัตรูของฉันจะทำอันใดกับฉันได้ ? หากพวกเขาจับฉันขังคุก การติดคุกของฉันก็คือการปลีกตัวเพื่อทำอิบาดะฮฺ หากพวกเขาเนรเทศฉัน การถูกเนรเทศของฉันก็คือการฮิจญราะฮฺ และหากพวกเขาฆ่าฉัน การถูกฆ่าของฉันก็คือการได้ตายชะฮีด และเมื่อตอนที่ท่านถูกจับในป้อม และท่านได้มองกำแพงของมัน ท่านก็ได้รำลึกถึงดำรัสของอัลลอฮฺ ที่ว่า
ขณะนั้นก็จะมีกำแพงที่มีประตูบานหนึ่งมาขวางกั้น ระหว่างพวกเขา(คือระหว่างมุอฺมินและมุนาฟิก)ด้านในของมัน(สำหรับมุอฺมิน)นั้นมีความเมตตาและด้านนอกของมัน(สำหรับมุนาฟิก)มีการลงโทษ
(อัล กุรอาน 57: 13) นี่คือ ร็อบบานียะฮฺ ผู้ซึ่งสุขใจในการถูกลงทัณฑ์ในหนทางของอัลลอฮฺ และเขามีชีวิตในสวรรค์แห่งความพึงพอใจ แม้ว่าเขาได้รับทุกข์ภัยเพื่ออัลลอฮฺ หนึ่งในความยุติธรรมของอิบนุ ตัยมียะฮฺ นั่นคือการที่ท่านยกย่องบรรดาชัยคฺหลายท่านของกลุ่มซูฟี ได้แก่ ชัยคฺ อับดุลกอเดร อัลญีลานียฺ และนี่คือสิ่งที่บกพร่องของเหล่าคนที่อ้างว่าสังกัดแนวคิดอิบนุ ตัยมียะฮฺ แต่กลับเป็นว่าท่านจะไม่พบคนใดของพวกเขาที่มีดวงตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา หรือมีหัวใจที่คุชูอฺ หรือมีร่างกายสั่นเทาด้วยความเกรงกลัวอัลลอฮฺ และท่านจะไม่รู้สึกถึงความสงสาร ความเอื้อเฟื้อที่หลั่งไหลออกมาจากพวกเขา เนื่องจากความรักในอัลลอฮฺ และเราะซูลของพระองค์

ทว่าพวกเขาเป็นผู้ตามแนวทางที่เฉื่อยชา แห้งแล้ง และแข็งกร้าว ราวกับว่าเป็นฟันเฟืองหนึ่งในเครื่องจักร ซึ่งจะหันเมื่อถูกจับหัน ไม่มีวิญญาณ ไม่มีชีวิตในตัวของมัน และในการเปรียบเทียบกับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งดื่มด่ำกับความรู้สึกอันอบอุ่น กับสำนึกต่อสัจธรรม กับวิญญาณอันเปี่ยมล้นไปด้วยความรักและความเกรงกลัว แต่ทว่าขาดการผูกเข้ากับหลักของชะรีอะฮฺ กลุ่มนี้ตัดสินชี้ขาดสิ่งใดตามรสนิยมและสามัญสำนึกของพวกเขา หรือตามรสนิยมและสามัญสำนึกของบรรดาชัยคฺของพวกเขา

ทั้งสองกลุ่มทำสิ่งเกินเลยในเรื่องหนึ่งและหย่อนยานในอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดีที่สุดก็คือ ความดีทุกอย่างในทางสายกลางซึ่งได้รับการจำแนกจากปลายสองด้านที่สุดโต่งและหย่อนยาน ทำสะละฟียฺให้เป็นศูฟียฺ และทำศูฟีย์ให้เป็นสะละฟียฺ (ตัศวีฟุส สะลาฟียะฮฺ วะ ตัสลีฟุล มุตะเศาวีฟะฮฺ) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งดีงามที่เราจะตกแต่งแต่ละกลุ่มด้วยความดีเด่นของอีกกลุ่มหนึ่ง และนี่คือสิ่งที่อัลมุฟักกิร (นักคิดมุสลิม) อัลอุสตาซ มุฮัมมัด อัลมุบารอก (เราะฮิมะฮุลลอฮฺ) ได้กล่าวว่า เราทำศูฟียฺให้เป็นแบบสะละฟียฺ และเราทำสะละฟียฺให้เป็นแบบศูฟียฺ ! และด้วยการตกแต่งนี้จะก่อให้เกิดกลุ่มหนึ่งซึ่งรวมเอาลักษณะที่โดดเด่นของทั้งสองกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นกลุ่มที่ปลอดจากข้อตำหนิของทั้งสองกลุ่มอีกด้วย

ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นสิ่งที่อัลอิมาม อัลหะซัน อัลบันนาได้พยายามกระทำมัน ซึ่ง(ตามความคิดของข้าพเจ้า)ท่านได้พยายามรวมเอาปัญญาแบบสะละฟียฺ เข้ากับจิตวิญญาณแบบศูฟียฺ

ข้อมูลจาก http://www.fityah.com/index.php?option=com_content&task=view&id=79&Itemid=31